บทที่ 5

ลู่อิ้วถิงลุกพรวดขึ้นมาทันที

“เพียงแต่ว่า...” ลู่หยาเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “บอสครับ...คนที่พาคุณชายน้อยไปคือ...”

ยิ่งพูดเสียงของลู่หยาก็ยิ่งแผ่วลง เขาก้มหน้าเสียบยูเอสบีเข้ากับคอมพิวเตอร์แล้วเปิดวิดีโอ

เมื่อวิดีโอเริ่มเล่น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

โดยเฉพาะลู่อิ้วถิง ใบหน้าหล่อเหลาราวกับถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ผู้คนรอบข้างต่างตัวสั่นด้วยความกลัวจากไอเย็นที่แผ่ออกมาจากตัวเขา และถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัว

มีเพียงเย่ชิงชิงที่ยกมือปิดปากด้วยความประหลาดใจและอุทานออกมา “ซือซือเหรอ? ถิงคะ ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม! คนนั้นคือซือซือเหรอ? เธอกลับมาได้ยังไง? เธอเคยบริจาคไขกระดูกให้ฉัน แล้วก็จากไปโดยที่ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเธอดีๆ เลย ทำไมตอนนี้ถึงกลับมาแบบเงียบๆ ล่ะคะ?”

พูดจบดวงตาของเย่ชิงชิงก็คลอไปด้วยน้ำตา ทำท่าทางเหมือนสนิทสนมกับเจี่ยนซือราวกับพี่น้องที่รักกันมาก

ลู่อิ้วถิงไม่สนใจการแสดงที่เกินจริงของเย่ชิงชิง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันอย่างลึก ดวงตาฉายแววคมกริบเย็นชา และสั่งการด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก “ลู่หยา แจ้งตำรวจ!”

ไม่คาดคิดว่าลู่อิ้วถิงจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ลู่หยาชะงักไป “แต่ว่า...คุณเจี่ยนเป็นแม่แท้ๆ ของคุณชายน้อยนะครับ...”

“ใช่ค่ะ” เย่ชิงชิงเดินเข้ามาเสริม “ถิงคะ ซือซืออาจจะแค่รักลูกมากเกินไป ไม่ได้มีเจตนาอื่นหรอกค่ะ อีกอย่าง ในกล้องวงจรปิดเสี่ยวไป๋ก็เดินตามซือซือไปเอง บางทีเขาอาจจะเลือกแม่ของเขาก็ได้นะคะ?”

เย่ชิงชิงมองร่างที่คุ้นเคยในกล้องวงจรปิด แววตาฉายแววอาฆาตแค้น ไม่คิดเลยว่านังสารเลวนี่จะกลับมา แต่ก็ดีเหมือนกัน ดูจากท่าทีของลู่อิ้วถิงแล้ว เขาก็ไม่ได้มีเยื่อใยอะไรกับนังนี่ แค่ปล่อยให้นังสารเลวนี่พาเด็กขี้โรคคนนั้นไป ตัวเองก็จะได้แต่งงานกับลู่อิ้วถิงแล้ว

แต่ทว่าท่าทีของลู่อิ้วถิงกลับแน่วแน่ “ผมบอกให้แจ้งตำรวจก็คือแจ้งตำรวจ เสี่ยวไป๋เป็นลูกของผม คนอื่นไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง”

ไม่คิดว่าจะถูกหักหน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เย่ชิงชิงกัดริมฝีปากอย่างอับอาย ไม่พูดอะไรอีก

เมื่อเห็นว่าแม้แต่เย่ชิงชิงที่บอสทะนุถนอมมาตลอดยังถูกตำหนิ ลู่หยาก็เหงื่อตกด้วยความกลัว รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรแจ้งตำรวจทันที

อีกด้านหนึ่ง เจี่ยนซือไม่รู้เลยว่าตัวเองพาเด็กมาผิดคน เธอคิดว่าลู่อี้ไป๋คือเจี่ยนซือเฉิน จึงพา “เจี่ยนซือเฉิน” ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าด้วยความรู้สึกผิด

ตลอดทาง ลู่อี้ไป๋จับมือเธอไว้อย่างเงียบๆ ไม่ยอมห่างแม้แต่ก้าวเดียว

ใครจะรู้ว่าทันทีที่เดินออกจากห้าง เจี่ยนซือก็ถูกตำรวจหลายนายกดตัวไว้ ส่วนลู่อี้ไป๋ก็ถูกตำรวจนายหนึ่งกอดรัดไว้แน่น

ถุงชอปปิงตกกระจายเกลื่อนพื้น ของข้างในหกเกลื่อนกลาด ลู่อี้ไป๋ตกใจกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันจนตัวสั่นและร้องไห้โฮออกมา

เจี่ยนซือถูกกดลงกับพื้น เธอพยายามเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก “พวกคุณจะทำอะไร”

ตำรวจที่ควบคุมตัวเธออยู่พูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม “คุณผู้หญิง คุณถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีลักพาตัว เชิญไปกับเราด้วยครับ”

เจี่ยนซืองงไปหมด “พวกคุณพูดต้องมีหลักฐานนะ! ฉันไปลักพาตัวใครมา?”

ตำรวจทำหน้าขึงขังอย่างเที่ยงธรรม “มีผู้ปกครองแจ้งความแล้ว บอกว่าคุณลักพาตัวเด็กชายที่อยู่ข้างๆ คุณ”

ลู่อี้ไป๋ร้องไห้จ้า “หม่ามี้ หม่ามี้ ปล่อยหม่ามี้ของผมนะ”

เจี่ยนซือพูดกับลู่อี้ไป๋อย่างจนปัญญา “พวกคุณเห็นไหมคะ? นี่ลูกของฉัน เขาเรียกฉันว่าหม่ามี้ ฉันจะว่างมากจนต้องมาลักพาตัวลูกตัวเองหรือไง? พวกคุณจับผิดคนแล้ว!”

ลู่อี้ไป๋เองก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว เขาจึงทั้งทุบทั้งตีตำรวจที่อุ้มตัวเองอยู่ “พวกคนใจร้าย ปล่อยหม่ามี้ของผมนะ! ไม่งั้นจะหาว่าไม่เตือน!”

เนื่องจากลู่อี้ไป๋มีสถานะพิเศษและร่างกายอ่อนแอ ตำรวจที่อุ้มเขาอยู่จึงกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น พอเผลอไปแวบเดียว ลู่อี้ไป๋ก็ดิ้นหลุดและวิ่งไปอยู่ข้างๆ เจี่ยนซือได้จริงๆ

“หม่ามี้ ไม่ต้องกลัวนะครับ เดี๋ยวผมจะให้คนมาช่วยหม่ามี้เอง”

พูดจบเขาก็งับเข้าไปที่ตำรวจซึ่งกดตัวเจี่ยนซือไว้อยู่ เจี่ยนซือตกใจมาก “ลูกรัก รีบปล่อยเร็ว!”

นี่มันทำร้ายเจ้าพนักงานนะ เป็นความผิดร้ายแรงเลย

เพียงชั่วพริบตาที่หันไปสนใจเรื่องนั้น ตำรวจอีกนายก็พุ่งเข้ามา อุ้มลู่อี้ไป๋ไปขึ้นรถอีกคันหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ลู่อี้ไป๋ดิ้นไปมาพยายามจะขัดขืน ตำรวจสูดหายใจเข้าลึกๆ “คุณชายลู่ คุณพ่อของคุณกำลังจะมาถึงแล้ว และท่านโกรธมากครับ”

เมื่อได้ยินชื่อพ่อของตัวเอง ลู่อี้ไป๋ก็หยุดดิ้น เขากะพริบตาโตที่คลอไปด้วยน้ำตาพลางมองไปที่ตำรวจ “คุณอาครับ เป็นพ่อของผมที่แจ้งตำรวจใช่ไหมครับ?”

แม้จะไม่รู้ว่าพ่อลูกคู่นี้มีปัญอะไรกัน แต่เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของลู่อี้ไป๋ ตำรวจก็อดใจอ่อนไม่ได้ พยักหน้าเบาๆ “ใช่ครับ”

ในทันใดนั้น น้ำตาของลู่อี้ไป๋ก็ไหลรินออกมา เป็นพ่อจริงๆ ที่ให้คนมาจับหม่ามี้ คำพูดของพ่อไม่มีใครกล้าขัดขืน แต่ว่า... หม่ามี้เพิ่งจะปรากฏตัวออกมาแท้ๆ ทำไมพ่อต้องให้คนมาจับหม่ามี้ไปด้วยล่ะ?

ลู่อี้ไป๋คิดในใจ เดี๋ยวต้องไปถามพ่อให้รู้เรื่องให้ได้ แล้วช่วยหม่ามี้ออกมา

ส่วนเจี่ยนซือ ถูกตำรวจสองนายควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจไป

ไม่นาน รถโรลส์-รอยซ์รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นทั่วโลกก็จอดเทียบข้างทาง ลู่อิ้วถิงในชุดสูทเนี้ยบก้าวลงมาจากรถ

ตำรวจรีบส่งตัวลู่อี้ไป๋ให้เขาทันที “ประธานลู่ เราพบตัวคุณชายลู่แล้ว ส่วนคนร้ายที่ลักพาตัวเราก็ได้นำตัวกลับไปที่สถานีตำรวจแล้ว ท่านจะไปดูตัวไหมครับ?”

สิ้นเสียงนั้น ลู่อี้ไป๋ก็กอดแขนลู่อิ้วถิงแล้วตะโกนลั่น “ปะป๊า รีบไปช่วยหม่ามี้สิ! รีบให้คนพวกนี้ปล่อยตัวหม่ามี้เร็ว!”

ลู่อิ้วถิงไม่พูดอะไร หลังจากขอบคุณตำรวจ เขาก็พาลู่อี้ไป๋ขึ้นรถของตัวเอง และตรวจดูร่างกายของลู่อี้ไป๋อย่างละเอียดก่อนจะค่อยๆ เอ่ยปาก “ลูกจำผิดคนแล้ว นั่นไม่ใช่แม่ของลูก”

ลู่อี้ไป๋ร้องไห้โฮออกมา “ปะป๊าโกหก! นั่นคือหม่ามี้ชัดๆ ผมเคยเห็นรูปของหม่ามี้แล้ว เธอหน้าเหมือนหม่ามี้เปี๊ยบเลย! เธอยังกอดผมแล้วเรียกว่าลูกรักด้วยนะ ยังจะพาผมกลับบ้าน ทำกับข้าวให้ผมกินอีก เธอคือหม่ามี้ของผม!”

แม้ว่าลู่อี้ไป๋จะซุกซนและชอบหนีออกจากบ้านบ่อยๆ แต่ต่อหน้าลู่อิ้วถิงเขามักจะทำตัวเป็นเด็กดีและเชื่อฟังเสมอ ประกอบกับร่างกายที่อ่อนแอ ลู่อิ้วถิงจึงรู้สึกว่าตนเองติดค้างเขาอยู่มาก ไม่ว่าเขาจะขออะไรก็ให้ทุกอย่าง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นลู่อี้ไป๋ทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้

เขาจ้องลู่อี้ไป๋เขม็ง “ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หม่ามี้ของลูก! พวกเขาแค่หน้าเหมือนกันเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นนักต้มตุ๋น ตั้งใจมาหลอกลูกโดยเฉพาะ”

แต่ลู่อี้ไป๋ไม่ยอมฟังคำพูดของเขาเลย “ปะป๊าต่างหากที่เป็นจอมโกหก นั่นคือหม่ามี้ชัดๆ ผมรู้สึกได้ เธอคือหม่ามี้ของเสี่ยวไป๋ ฮือๆๆ ผมจะเอาหม่ามี้”

แววตาของลู่อิ้วถิงฉายแววอำมหิต ผู้หญิงคนนั้น... ตอนนั้นทิ้งเสี่ยวไป๋ไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตอนนี้พอกลับมาก็รีบร้อนมาล่อลวงเสี่ยวไป๋ทันที เขาต้องส่งคนมาเฝ้าเสี่ยวไป๋เพิ่มอีก จะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นมีโอกาสไม่ได้เด็ดขาด

แต่เมื่อเขาก้มลงมองเสี่ยวไป๋ ความโกรธที่เต็มอกก็เหลือเพียงความสงสารและเจ็บปวดใจ

เขายกมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเสี่ยวไป๋อย่างแผ่วเบา “เสี่ยวไป๋เด็กดี ไม่ร้องนะ แค่ลูกเชื่อฟังปะป๊า ปะป๊าจะให้คนปล่อยตัวหม่ามี้เดี๋ยวนี้เลย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป